WooCommerce คือ ระบบตระกร้าสินค้า เพื่อทำเว็บร้านค้าออนไลน์ (E-commerce) ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก และ 90 % ของเว็บ WordPress ที่ทำระบบตระกร้านสินค้าใช้ปลั๊กอิน WooCommerce ในการทำทั้งสิ้น
ผมขอรวบรวม WooCommerce Tips & Trick เท่าที่ผมพอจะรู้มาให้ได้มากที่สุด เผื่อเป็นประโชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่สนใจ หากเห็นว่ามีประโยชน์อย่าลืมแชร์ต่อด้วยน้า
100 WooCommerce Tips & Tricks
1. เปลี่ยนสี “ราคา” ให้โดดเด่นขึ้น custom css ตามนี้
.woocommerce-Price-amount.amount { color: #B71427; }
2. เปลี่ยน ฿ เป็น บาท ด้วย css นี้
.woocommerce-Price-currencySymbol {
visibility: hidden; }
.woocommerce-Price-currencySymbol:before {
content: “บาท”;
visibility: visible; }
3. ใช้ปลั๊กอิน Loco Translate ช่วยแปลคำที่ยังไม่แสดงเป็นภาษาไทย
หรือแก้คำไทยบางครับที่ยังไม่ถูกใจ คู่มือ การใช้งานปลั๊กอิน Loco Translate
4. การทำเว็บหลายภาษา Woocommerce แยกทำกันคนละเว็บสะดวกที่สุด
จะแยกทำคนละ directory หรือแยกที่ subdomain ก็ได้ เหตุผลเพิ่มเติมว่าทำใมเว็บร้านค้า ควรแยกทำคนละเว็บ เหตุผลที่ 1 เหตุผลที่ 2
5. ระบบแจ้งชำระเงิน ใช้ seed confirm ไปเลยสะดวกที่สุด
ไม่ต้องเสียเวลาสร้างฟอร์มเอง มีฟังชั่นเปลี่ยนสถานะอัตโนมัติ เมื่อมีการแจ้งชำระเงินมาให้เราอีกด้วย
6. ถ้าการคิดจัดส่ง แบบฟรี เมื่อซื้อครบยอดขั้นต่ำ ให้เรียงลำดับตัวส่งฟรีไว้ด้านบน
เพราะเมื่อมีการสั่งซื้อที่ผ่านเงื่อนไขที่เราตั้งไว้ ที่ใบรายการสั่งซื้อมันจะได้ติ๊ก วิธีการจัดส่งฟรี ให้เอง
7. แต่หากต้องการตั้งค่าจัดส่งฟรีแบบมีเงื่อนไข ที่ซับซ้อน
ไปใช้ปลั๊กอินตัวนี้ได้เลย คู่มือ การใช้งาน WooCommerce Advanced Free Shipping
ตัวอย่างเงื่อนไข การตั้งค่าจัดส่งฟรี เช่น
- จัดส่งฟรีเมื่อซื้อสินค้าครบ xxx บาท
- สั่งซื้อสินค้า 2 ชิ้นขึ้นไปจัดส่งฟรี
- สั่งซื้อสินค้า 2 ชิ้นขึ้นไป หรือสั่งซื้อสินค้าเกิน xxx บาท จัดส่งฟรี
- จัดส่งฟรี เมื่อสั่งซื้อสินค้า 2 ชิ้นขึ้นไป และยอดสั่งซื้อมากว่า xxx บาท
- จัดส่งฟรีเฉพาะสินค้าที่มีน้ำหนักรวมน้อยกว่า 500 กรัม
- จัดส่งฟรีเฉพาะกรุงเทพและปริมณฑล และสินค้าต้องมีน้ำหนักรวมน้อยกว่า 500 กรัม
- และอีกหลายๆ เงื่อนไขเท่าที่เราต้องการเลย ฯลฯ
8. ตั้งราคาค่าจัดส่งแบบผสมผสาน
คิดตามความใกล้-ไกล, ตามน้ำหนัก, ตามแพคเกจจิ้ง ตัวที่ดีที่สุดน่าจะเป็นตัวนี้ครับ Table Rate Shipping for WooCommerce
มีแค่เว็บที่มีคุณภาพดีเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสติดหน้าแรก Google ได้ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้เอง ผมขอแนะนำให้มาเรียนครับ ดูรายละเอียด และค่าเรียนได้ที่นี่
9. รายชื่อปลั๊กอินทำคูปองและส่วนลด
- Pricing Deals for WooCommerce
- WooCommerce Extended Coupon Features
- WooCommerce Dynamic Pricing & Discounts
คู่มือการใช้งานรออีกสักหน่อยนะเดี๋ยวผมจะทยอยเขียนครับ
10. Woocommerce ตัวฟรี เราลงสินค้าได้ 4 แบบนะ
- Simple Product คือ การลงสินค้าแบบทั่วๆ ไป คือ สินค้าแต่ละชิ้นมีราคาเดียว ไม่ซับซ้อน
- Grouped product คือ การลงสินค้าแบบเป็นกลุ่ม เราสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายกรณี เช่น
– รวมกลุ่มเครื่องแต่งตัว เสื้อ กางเกง หมวก รองเท้า ไว้ใน group เดียวกัน
– สินค้าที่มีการตั้งราคาขายแบบ ขายปลีก กับ ขายส่ง เป็น choice ให้ลูกค้าได้เลือกไปเลย
– อาจจะประยุกใช้กับสินค้าชนิดเดียวกัน แต่ราคาแตกต่างกันตามรุ่น รุ่นใหม่ราคานึง รุ่นเก่าอีกราคา เป็นต้น
– หรืออีก 1 ตัวอย่างเช่น เราขายหนังสือ ก็จะแบบเป็น E-book ราคานึง แบบปกแข็ง อีกราคานึง แต่ให้แสดงเป็น group บนตัวสินค้าเดียวไปเลย
- External/Affiliate product คือ การลงสินค้าเพื่อการเป็น ตัวแทนจำหน่าย หรือการได้รับค่าแนะนำเป็นการตอบแทน ตัวอย่างการใช้งาน
– ไว้ใช้ทำ Affiliate product เป็นตัวแทนจำหน่าย ได้ค่าแนะนำ
– ทำเว็บเป็นคอนเทนต์ แล้วใช้ระบบตระกร้าของเว็บอื่น เช่น ใช้ WordPress ทำคอนเทนต์ และใช้ lnwshop.com เป็นตัวตระกร้าสินค้า
– ทำเป็น External product แล้วให้ยิงไปที่ inbox ของสินค้าที่เราลงไปบน Facebook ก็ได้ เพื่อให้แชทคุยกันก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งเหมาะกับนิสัยคนไทยมาก
- Variable product คือ การลงสินค้าที่ราคาแตกต่างกันตามคุณสมบัติ เช่น สีของเสื้อ, ไซต์ของเสื้อ เป็นต้น
คู่มือ การลงสินค้าประเภทต่างๆ บน woocommerce
11. แสดงเฉพาะราคาต่ำสุดบน variable product (สินค้ามีหลายแบบ)
ใช้ปลั๊กอิน Show only lowest prices in WooCommerce variable products ทำได้นะ
12. วิธีจัดเรียงสินค้าตามลำดับที่ต้องการ
นอกจากเรียงตามวันที่ลงสินค้า, เรียงตามตัวอักษร เรายังสามารถจัดเรียนสินค้าตามลำดับที่เราต้องการได้นะ
วิธีการทำมีดังนี้ ให้ไปที่ Customizing > Woocommerce > Product Catalog ตรง Default product sorting ให้เราเลือก Default sorting (custom ordering + name)
จากนั้นให้ไปตั้งค่าลำดับเรียง order ที่ตัวสินค้าได้เลย ปรับตรง Advance > menu order ให้ใส่ลิงค์ลำดับที่ต้องการได้เลย
13. ใช้งาน feature product เพื่อดึงสินค้ามาแนะนำ
คือ ให้เราคลิกที่สัญลักษณ์รูปดาวนั้นเอง อยากดึงสินค้าตัวไหนเป็น สินค้าแนะนำ (feature product) ก็คลิกรูปนั้น
14. ซ่อนสินค้าบางตัวที่เรายังไม่พร้อมขายได้
15. เพิ่มราคาจัดส่งสินค้าบางชิ้น
สินค้าบางชิ้นต้องมีค่าแพคเกจสูงกว่าชิ้นอื่นๆ เช่น สินค้าเปราะบางต้องห่อแบบกันแตก เราสามารถสร้างกลุ่มสินค้าไว้ต่างหาก (Shipping Class) คู่มือตั้งค่า คิดค่าจัดส่งสินค้าตามกลุ่มสินค้า (Shipping Class)
16. ทำเว็บ E-commerce สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการทำเว็บเป็น HTTPS
ช่วยให้เว็บปลอดภัย หรือทำอันดับ SEO ได้จริงรึป่าวอันนี้ไม่รู้ แต่อย่างน้อยมันก็สร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าของเราได้ครับ เมื่อเราดูน่าเชื่อถือ โอกาสปิดการขายก็เพิ่มขึ้นนั้นเอง คู่มือ การทำเว็บ HTTPS ฟรี
17. ส่งเมลแจ้งเตือนลูกค้าที่กดสั่งซื้อสินค้าเข้ามาแต่ยังไม่ได้ชำระเงิน
ใช้ปลั๊กอินนี้ทำได้นะ Abandoned Cart Lite for WooCommerce
เว็บเปิดร้านใหม่ๆ ควรปิด review ไว้ก่อนจะดีที่สุด เพื่อป้องกันความเห็นเชิงลบ
ให้ไปที่ Woocommerce > settings > Product > เอาติ๊กที่ Enable product reviews ออก
19. เราสามารถปิดระบบตระกร้าสินค้าได้ ด้วยการเปิดใช้งาน หมวด Catalog mode
เหมาะกับเว็บร้านค้าส่ง หรือเน้นปิดการขายบน เฟสบุ๊คเป็นหลัก โดยมากถ้าเป็นธีมเสียเงิน จะมีระบบนี้มาให้อยู่ในส่วนของ Theme option ลองค่อยๆ ไล่หาดูนะ ถ้าธีมไม่มีเราอาจใช้ปลั๊กอินนี้ได้ YITH WooCommerce Catalog Mode
20. ลงสินค้าจำนวนมากวิธีการไหนไวที่สุด
มี 2 ทางเลือก คือ 1. จ้างคนลงที่ละชิ้น 2. เอาสินค้ามาจัดเรียงใน excel แล้วใช้ปลั๊กอิน Csv import เข้าไปแทน
21. ระบบชำระแบ่งชำระเงินเป็นงวดๆ Woocommerce ก็ทำได้นะ
แต่แน่นอนคงต้องใช้ปลั๊กอินตัวเสียเงิน ลองดูตัวนี้ได้ครับ WooCommerce Deposits
22. ปรับแก้ข้อมูลหน้า check out
ใช้ปลั๊กอินทำได้ ลองดู 2 ตัวนี้เป็นตัวฟรี
– WooCommerce Checkout Manager
– WooCommerce Checkout Field Editor (Manager) Pro
23. เพิ่มตัวเลือก หรือใส่ option ให้กับสินค้าเพิ่มเติม
เช่น ขายเสื้อ ให้ลูกค้าเลือกลายที่จะสกรีนได้, ขายอาหาร ก็ให้ลูกค้าเพิ่มพวก topping ได้ ทำเป็น form เพื่อใช้ในการ booking ห้องพักก็ยังได้เลย เราเรียกพวกนี้ว่า product addons ครับ ลองใช้ปลั๊กอินเหล่านี้นะ
– Product Add-Ons ตัวของ Woo โดยตรงเสียเงิน
– WooCommerce Product Addons ตัวฟรี แต่ไม่ใช้มากจาก woo โดยตรงนะ
24. เราอาจจะอยากเพิ่มกล่องสินค้า, กล่องของขวัญ แบบพิเศษ
และมีการเพิ่มราคาค่ากล่องที่ใส่ไปด้วย เราสามารถใช้ปลั๊กอิน WooCommerce Checkout Add-ons ซึงมันก็คล้ายๆ กับ ตัว WooCommerce Checkout Manager แต่ตัวนี้มันสามารถบวกราคาเพิ่มเข้าไปด้วยนั้นเอง
25. สร้างของแถมให้ลูกค้า
ให้ใช้ปลั๊กอิน WooCommerce Multiple Free Gift ทำได้
26. Woocommerce ทำงานได้ดีที่สุดบน PHP 7+
วิธีเช็คสถานะของ server ให้ไปที่ Woocommerce > Status แล้วเข้าไปดูค่า PHP ของเราได้เลย ของใครยังไม่เป็นเวอร์ชั่น 7 แจ้งโฮสอัพเกรดได้เลยนะ
มีแค่เว็บที่มีคุณภาพดีเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสติดหน้าแรก Google ได้ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้เอง ผมขอแนะนำให้มาเรียนครับ ดูรายละเอียด และค่าเรียนได้ที่นี่
27. Upsell Product คือ การเสนอขายสินค้าที่ “ดีกว่า” หรือ “แพงกว่า”
เราสามารถดึงสินค้าบางตัวมาแสดงรวมกันสินค้าตัวหลัก แทน relate product ได้นั้นเอง ตั้งค่าที่ Linked products
28. รูปสินค้าแต่ละชิ้นควรมีขนาดเท่ากัน มันถึงจะสวย
ถ้าเลือกสินค้าเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดรูปที่แนะนำคือ 800×800 px (อัตราส่วน 1:1) ถ้าใช้รูปเป็นสีเหลี่ยมพื้นผ้า 613×800 px (อัตราส่วน 3:4)
29. การจัดการ order สินค้า
30. การส่งเลขตรวจสอบสถานการณ์จัดส่ง (Tracking order)
หากต้องการส่งพวกเลข Tracking order หรือข้อความอื่นๆ ถ้ามี เราสามารถไปใส่ตรงส่วนของ Add note ได้ แต่ก่อนจะกดคำว่า add ให้เราเรื่องตรง dropdown list เป็น Note to customer ก่อนด้วยนะ
นอกจากวิธีการด้านบน เรายังสามารถใช้ปลั๊กอิน MIMO Woocommerce Order Tracking ในการแจ้งorder tracking ได้ครับ
31. ส่วนที่ให้ใส่ข้อมูลต่างๆ เช่นพวกช่อง Description เราสามารถใส่เป็น โค้ด HTML ลงไปก็ได้นะ
32. วิธีการปิด Sale bubble
ให้สคริปต์ นี้ add_filter( ‘woocommerce_sale_flash’, ‘__return_false’ );
ลงไปที่ไฟล์ functions.php แนะนำว่าให้วางลงไปที่ child theme
33. หลักการเลือกธีมให้เหมาะกับ WooCommerce
– ควรใช้พรีเมี่ยมธีม (ธีมตัวเสียเงิน) ธีมฟรีจะมีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ และไม่มีความยืดหยุ่น
– ธีมที่ดีควรมีการอัพเดทล่าสุดให้สามารถใช้งานบน WordPress เวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ
– อัพเดทตาม Woo เวอร์ชั่นล่าสุด (ver.3+)
– ธีมที่ปลอดภัยคือธีมที่มียอดขายพอสมควร หรือมีคนใช้งานเยอะนั้นเอง
– มีคลิปสอนการ setup ธีม บน YouTube จะได้ง่ายตอนเริ่มต้น
– ถ้าธีมไหนมี Facebook Group ก็จะดีมากเพราะเป็นแหล่งหาความรู้ชั้นเลิศ
34. การทำเว็บหลายภาษาบน Woocommerce การทำเว็บหลายภาษา แยกทำกันคนละเว็บสะดวกที่สุด
แยกทำคนละ directory หรือแยกที่ subdomain ก็ได้ เหตุผลเพิ่มเติมว่าทำใมเว็บร้านค้า
ควรแยกทำคนละเว็บ
– https://th.seedthemes.com/topic/20720/
– https://www.facebook.com/groups/wpalliance/permalink/670567006477062/
35. หากร้านค้าเรามีจำนวนยอดขายต่อวันเยอะ
และสินค้ามีออร์เดอร์มาจากหลายที่ ให้ใช้ ZORT ช่วยจัดการออเดอร์และสต๊อกออนไลน์
36. สินค้าขายส่ง ที่ต้องทำใบเสนอราคา
เราอาจทำได้ด้วยการ เปิดใช้งาน Catalog mode เพื่อไม่ใช้ระบบตระกร้าสินค้า แล้วในส่วนของข้อมูสินค้า เราก็แทรก Form ให้ลูกค้าได้กรอกข้อมูลได้ตามอัธยาศัย อันนี้คือแบบไม่ใช้ปลั๊กอิน
37. แต่หากสินค้าขายส่ง แบบมีระบบ Add to Quote
เพื่อขอใบเสนอราคา เราอาจใช้ปลั๊กอิน Woocommerce Quotation Plugin หากนึกภาพไม่ออก ลองกดเข้าไปดูเองที่ตัวปลั๊กอินเลยนะ
39. ทำ invoice ให้เป็น pdf
แล้วยังสามารถเอามาปริ้นเป็นที่อยู่สำหรับจัดส่งของให้ลูกค้าได้เลย ไม่ต้องมานั่งเขียนที่อยู่ลูกค้าเอง ใช้ปลั๊กอินนี้นะ WooCommerce PDF Invoices & Packing Slips
40. อย่าลืมทำ SEO ที่ product category ด้วย
ถ้าเราสังเกต หน้าสินค้าที่ติดอันดับหน้าแรก google ของเว็บดังๆ เช่น Lazada , shopee หน้าที่แสดงผลคือหน้า category ที่เป็นหมวดหมู่ ไม่ใช่หน้าสินค้าเดียวๆ นั้นแสดงว่า ตรง product category เราสามารถใส่ข้อมูลเพื่อเพิ่มพลังในการทำ SEO ได้ด้วย
ให้เราไปที่ Product > categories > เข้าไป edit หมวดหมู่สินค้าทุกตัว ให้เพิ่มข้อมูลต่างๆ ที่ Description และใช้ปลั๊กอิน yoast ช่วยในการสร้าง SEO title และสร้าง Meta Description
41. อย่าพึ่งใจร้อนกดอัพเดท WooCommerce เมื่อเห็นการแจ้งเตือนให้อัพเดท
ควรรอธีมอัพเดทให้รองรับกับ Woo ตัวล่าสุด แต่ใครเผลอกดอัพเดทไปแล้วเว็บพัง เราสามารถ Downgrad ปลั๊กอินได้นะ ด้วยปลั๊กอิน WP Rollback
42. ควรตั้งชื่อสินค้าให้ยาว เท่าๆ กัน การแสดงผลหน้า shop มันถึงจะสวย
43. แก้หน้าตาพวกใบสั่งซื้อที่ e-mail
ที่ส่งไปถึงลูกค้าให้สวยขึ้นด้วยปลั๊กอิน Email Customizer for WooCommerce
มีแค่เว็บที่มีคุณภาพดีเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสติดหน้าแรก Google ได้ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้เอง ผมขอแนะนำให้มาเรียนครับ ดูรายละเอียด และค่าเรียนได้ที่นี่
44. ปลั๊กอินเพิ่มความสวยงามให้กับตัวเลือก บนสินค้าที่เป็นแบบ Variable product
ลองใช้ปลั๊กอิน Improved Variable Product Attributes for WooCommerce
45. แบ่งสินค้าตาม Brand
ใช้ปลั๊กอิน WooCommerce Brands
46. ปลั๊กอินสำหรับค้นหาที่ตั้งสาขาของร้านของเรา
หากร้านค้าเรามีหลายสาขา ใช้ตัวนี้ทำได้นะ WP Store Locator
47. ทำให้ลูกค้าเลือกสาขาที่จะมารับของด้วยตนเองได้
ใช้ปลั๊กอิน Local Pickup Plus
48. เพิ่มความเร็วทั้งเว็บทั่วไปและเว็บร้านค้า
ใช้ตัวนี้ปรับแต่งง่ายที่สุดครับ wp-rocket
49. ทำ qr code promtpay แล้วระบุจำนวนเงินได้เลย ลองดู 2 ตัวนี้ครับ
– WOOCOMMERCE PROMPTPAY QR CODE
– WOOCOMMERCE – THAI PROMPTPAY
50. เรียงสินค้าแบบเป็น product order list
ดูรูปประกอบเอานะว่าเป็นหน้าตาอย่างไร ถ้าจะทำแบบนี้ใช้ปลั๊กอินตัวนี้ทำได้ครับ WooCommerce Product Table
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย คงพอได้ประโยชน์กันไม่มากก็น้อยนะ บทความตอนที่ 1 นี้ข้อรวบรวมมา 50 woocommerce tips ก่อน ดูอีก 50 tips ที่เหลือ ได้ที่บทความนี้ 100 Woocommerce Tips part 2 ปล. ตอนนี้ยังทำไม่เสร็จนะ
ตะกร้าสินค้า ไม่มีส่วนของค่าขนส่งขึ้นต้องไปตั้งค่าตรงไหนครับ เพราะตั้งค่า Shipping Woocommerce แล้ว
แต่แต่ไม่ขึ้นครับ
ขอบคุณครับ
ดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มี plugin ที่เป็น sales report ดีๆแนะนำไหมครับ อ.พัดวี
ใช้พวกระบบเฉพาะทางที่เขาเชี่ยวชาญเรื่องนี้มาทำงานร่วมกับ Woocommerce จะสะดวกกว่าใช้ปลั๊กอินนะ ลองดูเจ้านี้ครับ https://zortout.com/
ถ้าเราเป็นสินค้า พรีออเดอร์ซะส่วนใหญ่ต้องทำยังไงครับ เช่นตั้ง text หยิบใส่ตะกร้า เป็นพรีออเดอร์ จะได้มั้ยครับ และต้องทำยังไงครับ
ต้องหาปลั๊กอินมาใส่เพิ่มนะ เช่นตัวนี้ https://yithemes.com/themes/plugins/yith-woocommerce-pre-order/
เราลงสินค้า affiliate แบบอัพโหลดโดยใช้ไฟล์ csv ทุกข้อมูลลงได้หมด ยกเว้น product url กับ bottom tex ทำยังไงก็ไม่ได้ ขอคำแนะนำด้วยครับ