ประหยัดเวลาเรียนรู้ สนใจเรียน SEO รอบสอนสด คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย
การติดหน้าแรก Google จะไม่มีคำว่าฟลุ๊ค เว็บที่มีคุณภาพดีเท่านั้นที่จะติดหน้าแรกได้ หยุดหาทางลัดในการทำ SEO เพราะมันไม่มีอยู่จริงครับ เขียนบทความ หรือทำคอนเทนต์ให้เป็นธรรมชาติ อย่าไปยึดติดเรื่อง on page กับ off page ให้มากเกินไป
นิยามของ SEO ปี 2021 จะเปลี่ยนไป จาก Search Engine Optimization สู่ Searcher Experience Optimization คือ การสร้างประสบการณ์ใช้งานบนเว็บให้เหมาะกับคนค้นหา เราไม่ได้ทำ SEO เพื่อเอาใจ search engine แต่ทำ SEO เพื่อเอาใจคนอ่าน
ข้อดี และข้อเสีย ของการทำ SEO
พิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของการทำ SEO เพื่อให้คุณได้วางแผนและเตรียมทำใจไว้ล่วงหน้าครับ
- เพิ่มความน่าเชื่อถือ แสดงให้เห็นว่าคุณมีความเชี่ยวชาญในด้านนั้นจริง ๆ
- เพิ่ม Traffic คนเข้าเว็บ ช่วยให้ผู้คนจดจำแบรนด์ของคุณได้มากขึ้น
- ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เมื่อเทียบกับการลงโฆษณาประเภทอื่น ๆ
- ปิดการขายได้ง่ายขึ้น เราไม่ต้องเสนอขาย เพราะลูกค้าเดินเข้ามาหาเราเอง
- ไม่เห็นผลในทันทีต้องใช้เวลา 3-6 เดือนขึ้นไป ถึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์
- เราไม่สามารถการันตีอันดับการทำ SEO บน Google ได้
- ไม่มีทางลัด ใช้เงินซื้ออันดับก็ไม่ได้ เราต้องลงมือทำเองเท่านั้นถึงจะได้ผล
- เราอยากติดหน้าแรก คนอื่นก็อยากติดหน้าแรก ดังนั้นการแข่งขันสูงมาก
ตัวอย่างผลลัพธ์การทำ SEO ที่ประสบความสำเร็จ ในช่วงเวลา 6 เดือนล่าสุดของเว็บนี้ สามารถพาคนคลิกเข้าชมเว็บแบบธรรมชาติ (Organic Traffic) ได้ถึง 31 ล้านครั้ง โดยไม่ต้องลงโฆษณา Google และไม่ต้องยิง Ads Facebook เลย
คุณลองจินตนาการดูนะ หากคุณเปิดร้านขายของแล้วมีลูกค้าเดินเข้าร้านคุณวันละ 2 แสนคน คุณจะได้ยอดขายเท่าไหร่?
นอกจากนี้การทำ SEO ยังถือว่าเป็น Asset ชนิดหนึ่ง คือปริมาณคนเข้าเว็บมันจะสะสม และเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ตามจำนวนคอนเทนต์ที่เราทำบนเว็บ
นั้นหมายความว่า หากคุณทำ SEO ประสบความสำเร็จ บางเดือนคุณอาจจะขี้เกียจโพสบทความ หรือหยุดทำการตลาดช่องทางอื่นๆ คุณอยู่เฉยๆ แต่ก็ยังมีคนเข้าเว็บของคุณอยู่ตลอดเหมือนเดิม
แค่ว่าข้อเสียหลักๆ ของการทำ SEO ก็คือ มันไม่มีทางลัด ต้องใช้เวลา 4-6 เดือน ถึงจะเริ่มออกดอก ออกผล ดังนั้น ในช่วงแรกคุณต้องลงมือทำอย่างต่อเนื่อง และใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก
หลักการ SEO พื้นฐานที่ต้องรู้ก่อน
ปัญหาที่ผมพบเจออยู่บ่อยๆ ในการสอน SEO ก็คือ ผูเรียนแต่ละคนมักมีความรู้ SEO ที่เคยรู้มาก่อน ติดมาด้วย แต่หลายๆ ครั้งความรู้เดิมก็เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้วิธีทำ SEO อย่างถูกต้อง ดังนั้น ผมแนะนำให้คุณวางความรู้เดิมเอาไว้ก่อน แล้วเริ่มต้นเรียนรู้หลักการ SEO ใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นครับ
SEO คืออะไร?
Search engine optimization (SEO) คือ การเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านภายในเว็บไซต์ (On-page) และภายนอกเว็บไซต์ (Off-page) โดยมีเป้าหมายให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับหน้าแรก Google และเพิ่มปริมาณคนคลิกเข้าเว็บแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องซื้อโฆษณา
E-A-T factor คืออะไร?
E-A-T factor คือ เกณฑ์วัดความน่าเชื่อถือของเว็บ เว็บไซต์จะมีความน่าเชื่อถือได้ ต้องมีองค์ประกอบ 3 ส่วนหลัก Expertise – Authoritativeness – Trustworthiness
องค์ประกอบหลักของการทำ SEO
จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้ 1) Technical SEO 2) On-page SEO โครงสร้างเนื้อหา ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ 3) Off-page SEO การอ้างอิงหรือโหวตจากเว็บอื่นๆ
SEO ทำเอง หรือ จ้างคนทำให้ดี
การทำ SEO นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปที่จะเรียนรู้ ถ้าคุณมีเวลา การลงมือทำ SEO ด้วยตนเองจะได้ผลดีที่สุด แต่หากคุณต้องการจ้างคนทำ SEO เพื่อมั่นใจว่าคุณจะใช้เงินได้อย่างคุ้มค่า ผมแนะนำให้คุณคลิกดูคลิปข้างๆ ให้จบก่อน
สอนทำ SEO ฟรี แบบทีละขั้นตอน (อัพเดท 2021)
บทความสอน SEO ชุดนี้ เป็นเพียงหลักการตั้งต้น สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี กับการทำ SEO บนเว็บตัวเอง ค่อยๆ เรียนรู้การทำ SEO ตามลำดับบทความที่ผมได้จัดเรียงเอาไว้นะครับ (อธิบายแบบละเอียดที่ละขั้นตอน)
step 1. เตรียมความพร้อมก่อน ทำ SEO
เรียนรู้ภาพรวมของการทำ SEO ทั้งหมด ว่ามีรายละเอียดมากน้อยขนาดไหน ยากหรือง่าย เพื่อให้คุณได้เตรียมตัว และวางการแผนการทำ SEO ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง
เข้าสู่บทเรียนstep 2. วิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่ง
จะทำ SEO ให้ได้ผล เราต้องรู้จักวิธีวิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่งก่อน เมื่อรู้เขา รู้เรา ย่อมทำให้การทำ SEO ของคุณมีโอกาสชนะ มากกว่าแพ้ รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง การทำ SEO ก็เช่นเดียวกัน
step 3. วิธีเช็คอันดับเว็บไซต์
ทุกครั้งที่คุณค้นหาข้อมูลบน Google ประวัติการค้นหาเว็บไซต์ของคุณจะถูกบันทึกเอา เมื่อคุณเข้าเว็บไหนบ่อยๆ อันดับการแสดงผลของเว็บนั้น จะอันดับดีกว่าความเป็นจริง ซึ่งมันยังไม่ถูกต้องนัก
step 4. โปรแกรมหา Keyword
โปรแกรมหา keyword ที่ผมแนะนำให้คุณลองใช้ คือ Ubersuggest ซึ่งเป็น SEO tool ที่ใช้งานง่าย และราคาถูกที่สุดในปัจจุบัน จุดเด่นของเขาคือ หา Keyword และแอบดู backlink จากเว็บคู่แข่งได้
step 5. สูตรหา keyword
การทำ SEO ก็เหมือนการแต่งเพลง นอกจากเพลงต้องเพราะแล้ว ต้องเป็นสิ่งที่มีคนอยากฟังอีกด้วย การหา Keyword แม่นๆ จึงช่วยพาผู้คนให้ค้นหาเจอเว็บเราเพิ่มขึ้น
step 6. On-page Checklist Tool
On-page structure checklist คือ เครื่องมือตรวจสอบโครงสร้าง การเขียนบทความ SEO เพื่อให้ Google เข้าใจในสิ่งที่เราเขียนง่ายขึ้น ช่วยให้เว็บติดหน้าแรกได้
step 7. การใช้ Yoast SEO
Yoast คือ ปลั๊กอินสำหรับการทำ SEO บน WordPress เป็นปลั๊กอินที่มียอดนิยม แต่เราจะใช้ Yoast ในการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพต้องทำยังไง บทเรียนนี้มีคำแนะนำครับ
step 8. On-page SEO เว็บขายของ
On-page SEO บนเว็บร้านค้า WooCommerce มีวิธีการทำ SEO ที่แตกต่างจากการปรับบนเว็บทั่วไป บทความนี้เหมาะสำหรับคนที่ทำเว็บ E-commerce โดยเฉพาะ
step 9. การทำ SEO รูปภาพ
การทำ SEO รูปภาพ คือ การทำให้ Search Engine เข้าใจว่ารูปภาพที่เราใส่บนเว็บของเราคือรูปอะไร เพื่อสร้างโอกาสให้มีรูปภาพจากเว็บของเรา ไปปรากฏบนการค้นหารูปภาพ
step 10. ติดตั้ง google search console
วิธีการติดตั้ง google search console เข้ากับเว็บไซต์ WordPress เพื่อเช็คสถิติการเข้าถึงเว็บไซต์ และช่วยให้เว็บของเรามีโอกาสติดอันดับหน้าแรกได้ง่ายขึ้น
step 11. ปรับความเร็วเว็บ
หากคุณต้องการเพิ่มยอดขายในโลกออนไลน์ การทำเว็บให้โหลดเร็วๆ เป็นสิ่งสำคัญ จากสถิติพบว่า 53 % ของคนเข้าเว็บไซต์ จะปิดหน้าเว็บนั้นหากโหลดช้าเกิน 3 วินาที
step 12. วิธีทำ Backlinks
Backlink คือ ลิงค์จากเว็บอื่นๆ ที่ชี้กลับมาที่เว็บไซต์ของเรา เป็นสิ่งที่บอก Google ให้รู้ว่าเนื้อหาของเว็บไซต์เราได้รับการยอมรับ Backlink จำเป็นมากน้อยแค่ไหน บทเรียนนี้มีคำตอบครับ
step 13. กลยุทธ์ Content Hub
Content Hub เป็นรูปแบบการทำ Landing Page ประเภทหนึ่ง แทนที่เราจะเขียนบทความยาวๆ แต่เราจะออกแบบให้มีลักษณะเป็น Content Hub แทน
step 14. ทำ redirect 301
การทำ redirect 301 คือ การเปลี่ยนเส้นทางของ URL หนึ่งไปยังอีก URL หนึ่งอย่างถาวร และยังเป็นตัวช่วยรักษาการติดอันดับบน Google อีกด้วย
step 15. ปรับ Core Web Vitals
นอกจากต้องทำเว็บให้มีคะแนน Page speed สูงๆ เราต้องคำนึงถึงประสบการณ์การใช้งานหน้าเว็บ เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ Core Web Vitals ด้วย
step 16. Local SEO คืออะไร
Local SEO คือ การทำ SEO โดยโฟกัสไปที่ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ เป็นกลยุทธ์ SEO สำหรับธุรกิจท้องถิ่น เอาไว้สู่กับเว็บใหญ่ๆ
step 17. ทำ Canonical Tags
Google ไม่ชอบเว็บที่มีเนื้อหาซ้ำกัน หากคุณทำเนื้อหซ้ำซ้อนกันไปแล้ว คุณจำเป็นต้องทำ Canonical บอก Google ด้วยว่า เนื้อหาหน้าไหนที่ซ้ำกันบ้าง
step 18. 100 คำถาม-คำตอบ SEO
100 คำถาม-คำตอบ เกี่ยวกับการทำ SEO เพื่อไว้เป็นไกด์ไลน์ สำหรับมือใหม่และผู้เริ่มต้น จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ลองผิดลองถูกครับ
สรุป สอนทำ SEO ฟรี
บทความ สอน SEO ฟรี ชุดนี้เป็นเพียงแหล่งเรียน SEO ตั้งต้นเท่านั้น การทำตามบนความนี้ครบทุกขั้นตอน ไม่ได้เป็นเครื่องการันตี ว่าเว็บไซต์ของคุณจะติดอันดับหน้าแรก บทความนี้เพียงช่วยให้เว็บของคุณไม่หลงทาง และผ่านเกณฑ์พื้นฐานที่ Google ได้วางเอาไว้นั้นเอง การเริ่มเรียนรู้ SEO ด้วยวิธีการที่ถูกต้องเท่านั้น ถึงจะช่วยให้เว็บเราติดอันดับการค้นหาได้ดี และจะช่วยให้เราติดแบบยั่งยืน อันดับหล่นยากนั้นเอง