หากคุณทำเว็บไซต์ด้วย WordPress และอยากจะพัฒนาต่อให้เป็นเว็บร้านค้าออนไลน์ บทความ สอน Woocommerce 2020 ชุดนี้คือคำตอบครับ แต่เนื่องจาก Woocommerc เป็นปลั๊กอินที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก บางครั้งหลายๆ คน เลยยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี การจะทำเว็บให้ใช้งานได้จริง พื้นฐานเริ่มต้นจึงสำคัญที่สุด
บทความ สอน Woocommerce ชุดนี้จึงเน้นไปที่สิ่งที่จำเป็นต้องรู้ สำหรับผู้เริ่มต้นก่อน หากพื้นฐานดีแล้ว เราจึงจะสามารถต่อยอดทำระบบ Woocommerce ให้ซับซ้อน หรือให้ดียิ่งขึ้นได้ในอนาคตนั้นเอง
ทำความรู้จักกับ Woocommerce มีข้อดี ข้อเสีย อะไรบ้าง
เรียนออนไลน์ฟรี คอร์สเรียนสร้างเว็บ WordPress+Woocommerce
คลิกเข้าเรียนที่นี่- การจดโดเมนและเช่าโฮส
- การทำ HTTPS
- การติดตั้ง Wordpress
- การใช้ WordPress พื้นฐาน
- การติดตั้งและตั้งค่าพื้นฐาน Woocommerce
- การลงสินค้าประเภทต่างๆ
- การตั้งค่าจัดส่งประเภทต่างๆ
- การตั้งค่าชำระเงิน 3 แบบ
โอนเงิน paypal และบัตรเครดิต - การสร้างหน้าฟอร์มแจ้งชำระเงิน
- การสร้าง Contact Form
- การย้ายเว็บและการ backup เว็บ
- การติดตั้ง Google Analytic
และ Google Search Console
บทเรียนทั้งหมดนี้ ทุกคนสามารถเข้าเรียนได้ฟรี โดยไม่ต้องสมัครเรียน
ความแตกต่างระหว่าง แค่ทำเว็บได้ กับทำเว็บให้ดี ขึ้นอยู่กับความรู้พื้นฐานนั้นเอง
พื้นฐานต้องแน่นก่อน ถึงจะสามารถต่อยอดทำเว็บให้ดีในอนาคตได้ครับ
สอน Woocommerce Step by step
สำหรับผู้เริ่มต้น
ใน woocommerce เราสามารถลงสินค้าได้หลายประเภท เพื่อให้ตอบโจทย์กับธุรกิจของเรา
สินค้าประเภทต่างๆ บน Woocommerce มีอะไรบ้าง?
- Simple Product คือ การลงสินค้าแบบทั่วๆ ไป คือ สินค้าแต่ละชิ้นมีราคาเดียว ไม่ซับซ้อน
- Grouped product คือ การลงสินค้าแบบเป็นกลุ่ม เราสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายกรณี
- External/Affiliate product คือ การลงสินค้าเพื่อการเป็น ตัวแทนจำหน่าย หรือการได้รับค่าแนะนำเป็นการตอบแทน
- Variable product คือ การลงสินค้าที่ราคาแตกต่างกันตามคุณสมบัติ เช่น สีของเสื้อ, ไซต์ของเสื้อ เป็นต้น
- Digital product คือสินค้าที่เราไม่ต้องจัดส่ง แต่สามารถให้โหลดใช้งานหลังจากสั่งซื้อได้เลย เช่นพวก E-book เป็นต้น
Product attributes คืออะไร
Product attributes คือ การจัดหมวดหมู่สินค้า ที่มีคุณสมบัติเฉพาะเจาะจง
ตัวอย่าง เช่น การจัดเรียงสินค้าตาม สี ไซต์ ขนาด ยี้ห้อ สถานที่ ฯลฯ
เข้าสู่บทเรียนหากเราต้องการทำเว็บให้สามารถขายของได้จริง องค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เว็บร้านค้าออนไลน์ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มจากการเลือกโฮสและธีมให้เหมาะสมกับ Woocommerce ด้วย ข้ามไปดูรายละเอียดที่นี่ก่อนเลยครับ หลักการเลือกโฮสและธีม
เมื่อเราเตรียมโฮสและธีมเรียบร้อยแล้วเราก็เริ่มต้นเข้าสู่เนื้อหาบทเรียนนี้ได้เลยครับ
เข้าสู่เนื้อหาการตั้งค่าจัดส่งสินค้าบน Woocommerce สามารถตั้งค่าได้หลายรูปแบบมาก เรียกได้ว่าแทบทุกอย่างที่เราต้องการนั้นเอง
แต่ในความเป็นจริงหากตั้งค่าตามไอเดียทุกอย่างที่เราต้องการ มันอาจจะมีความความซับซ้อนเกินไป ดังนั้นสำหรับผู้เริ่มต้นเราควรมาลองตั้งค่าจัดส่งแบบง่ายๆ กันก่อน เช่น จัดส่งแบบลงทะเบียนราคานึง Ems ราคานึงเป็นต้น
เข้าสู่เนื้อหาช่องทางชำระเงินหลักๆ ที่คนไทยคุณเคยนั้นมีอยู่ 3 ประเภทคือ
- โอนเงินผ่านธนาคาร
- ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต
- ชำระเงินผ่านบัญชี PayPal
เข้าไปดูเนื้อหาของบทเรียนนี้กันได้เลยครับ
เข้าสู่เนื้อหาอีคอมเมิร์ชแบบไทยๆ เมื่อลูกค้ามีการสั่งซื้อสินค้า และโอนชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่มักจะส่งสลิปมาให้แม้ค้าทาง Line หรือทางเฟสกันเป็นส่วนใหญ่
แต่หากเราต้องการให้เว็บของเราดูเป็นมืออาชีพการสร้างฟอร์มแจ้งชำระเงิน ก็เป็นสิ่งที่เราควรทำ
เข้าสู่เนื้อหาเป็นปัญหาที่ผู้เริ่มต้นมักจะสงสัย เมื่อมีลูกค้ากดสั่งซื้อเข้ามา แล้วเราต้องทำยังไงต่อดี
เนื้อหาตอนนี้จะอธิบายขั้นตอนการรับออรเดอร์ ตั้งแต่เริ่มต้น จะกระทั่งเราจัดส่งสินค้าเสร็จเรียบร้อย ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำบ้างนั้นเอง
เข้าสู่เนื้อหาถ้าร้านค้าเราเกิดขายดี บางสินค้าอาจจะมีไม่เพียงพอ เราจะตั้งค่าแสดงจำนวนสินค้าคงเหลือของแต่ละ product ยังไง Woocommerce เขาได้เตรียมฟังชั่นนี้มาให้เราไว้เรียบร้อยแล้วครับ
กำลังอัพเดทเนื้อหาหากเราขายสินค้าที่มีคุณภาพ และเป็นสินค้าที่ใช้ซ้ำ หมดไว เมื่อลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าของเราซ้ำอีกรอบ เราควรมีระบบสมาชิกเตรียมไว้ให้ลูกค้าด้วย เพื่อว่าเขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลา กรอกข้อมูลส่วนตัว ที่อยู่จัดส่งสินค้าซ้ำอีกรอบให้เสียเวลานั้นเอง
กำลังอัพเดทเนื้อหาเรียนรู้เพิ่มเติม
แนะนำการสร้างปุ่ม Facebook login บน WordPress เพื่อใช้งานร่วมกับ WooCommerce สำหรับเว็บร้านค้าขายของ ด้วยปลั๊กอิน Nextend Social Login
เข้าสู่เนื้อหากาทำ On-page SEO บนเว็บขายของ WooCommerce มีวิธีการทำ SEO ที่แตกต่างจากการปรับแต่งบนเว็บทั่วไปๆ บทความนี้เหมาะสำหรับคนที่ทำเว็บ E-commerce โดยเฉพาะ
เข้าสู่เนื้อหามีคนพยายามคลิกติดต่อเว็บของผมอยู่เรื่อยๆ ปุ่ม Live Chat จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกเว็บไซต์ต้องมี เพื่อช่วยให้ลูกค้าติดต่อหาเราได้ง่ายๆ และเร็วที่สุด
เข้าสู่เนื้อหาหลายคนอาจเจอปัญหา ภาษาไทยบน Woocommerce บางคำที่ยังไม่ถูกแปลให้อัตโนมัติเนื่องจาก Woocommerce เวอร์ชั่นล่าสุด มีการเปลี่ยนคำใช้งานภาษาอังกฤษ ทำให้ภาษาไทยที่เคยถูกแปลไว้ ไม่แสดงผลตามที่ควรเป็น
เข้าสู่เนื้อหาปลั๊กอิน WordPress สำหรับส่งไลน์แจ้งเมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามาบน Woocommerce ผ่าน Line Notify พัฒนาโดยคนไทย แจกฟรี ไม่ต้องนั่งเฝ้าอีเมล สามารถกระจายเข้า Group Line ได้
เข้าสู่เนื้อหาบนความนี้มีคำแนะนำสำหรับการตั้งค่าทั้งใน Gmail และ Hotmail เพื่อแก้ไขปัญหานี้ครับ
เข้าสู่เนื้อหาWoocommerce คืออะไร?
Woocommerce คือ ปลั๊กอินที่ช่วยแปลงร่างเว็บ WordPress ธรรมดาๆ ของคุณให้กลายเป็นเว็บบร้านค้าออนไลน์เต็มรูปแบบ เราสามารถโหลดตัวปลั๊กอินนี้มาใช้ฟรีๆ ได้อีกด้วย และในปัจจุบันจากสถิติเว็บร้านค้าออนไลน์ของทั้งโลก 47% คือเว็บที่สร้างมาจาก Woocommerce
ทำไมต้องใช้ Woocommerce?
- โหลดมาใช้ได้ฟรี
ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินในกระเป๋า ช่วยให้เราเริ่มต้นสร้างเว็บขายของออนไลน์ด้วยต้นทุนที่น้อยมาก เราสามารถโหลดและติดตั้ง Woocommerce ได้ฟรีๆ - อนาคตสดใส
เพราะมีคนใช้งาน Woocommerce จำนวนมากกว่า 1 ล้านเว็บไซต์ แถบเจ้าของปลั๊กอินนี้คือบริษัท Automattic ผู้อยู่เบื้องหลัง WordPress.org และ WordPress.com หมดกังวลว่าเขาจะหยุดพัฒนาไปได้เลย เรียกว่าเรายังสามารถเกาะปลั๊กอินตัวนี้ได้อีกนาน - มันใช้งานง่าย
ไม่ต้องโค้ด ไม่ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ เป็นแค่คนธรรมาดาๆ พ่อค้า แม่ค้าทั่วไปก็สามารถใช้งานได้หมด เหตุผลหลักที่ทำให้ WordPress หรือ Woocommerc มีคนใช้เยอะ เพราะมันง่ายนั้นเอง ตัวอย่างเว็บไซต์ที่สร้างโดยคนธรรมดา มีทั้งแม่บ้าน พ่อบ้าน ผู้สูงวัย สามารถทำเว็บสวยๆ ได้หมดนั้นเอง - มีอุปกรณ์เสริมแต่งเพียบ
แม้ว่า Woocommerce จะมีฟังชั่นเพียงพอต่อการเริ่มต้นทำเว็บขายของออนไลน์แล้วก็ตาม แต่หากยังรู้สึกว่าไม่พอใจ เราสามารถเพิ่มตัว extensions ได้อีกมากมาย แต่บางตัวอาจไม่ฟรีนะ
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มต้นใช้งาน Woocommerce
1. WordPress และ Woocommerce มีการอัพเดทตลอด
ดังนั้นหากใครมาสายนี้ เมื่อเราทำเว็บเสร็จต้องเรียนรู้วิธีการดูแลเว็บ และการอัพเดทเว็บของเราด้วย
โดยมากส่วนใหญ่คิดว่าทำเว็บเสร็จแล้วปล่อยทิ้งไว้ได้เลย ตรงจุดนี้เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เราจำเป็นต้องคอยอัพเดทเว็บอยู่เสมอ เพื่อให้เว็บเราใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความเสี่ยงของการถูกแฮคเว็บจะน้อยลงด้วย คู่มืออัพเดทธีมและปลั๊กอินยังไงไม่ให้เว็บพัง
ปล. เว็บที่โดนแฮคส่วนมากคือเว็บที่ไม่ยอมอัพเดท หรือเว็บที่ถูกคนทำปล่อยทิ้งไปแล้วนั้นเอง
2. โฮสทุกโฮสทำเว็บได้หมด แต่ไม่ทุกโฮสเหมาะกับเว็บ WordPress + Woocommerce
ในฐานะที่ผมทำอาชีพสอนทำเว็บ ในตอนแรกใครบอกว่าที่ไหนดีผมก็ลองไปเช่ามาใช้หมดครับ ทั้งของไทยและต่างประเทศ เพื่อมองหาโฮสที่เหมาะกับมือใหม่ที่สุด
ปัญหาที่เจอของโฮสที่มีชื่อเสียงก็คือเขาจะมีลูกค้าเยอะ เขาจึงค่อนข้างจำกัดการใช้งานของลูกค้าในระดับ Share Host ซึ่งโดยทั่วไปมือใหม่ 90% ก็เริ่มต้นทำเว็บด้วยการใช้โฮส ในระดับ Share host ที่มีราคาถูก นั่นเองในช่วงเริ่มต้น
การถูกจำกัดการใช้งานเท่าที่เคยเจอมา เช่น ลง WordPress เองไม่ได้ อัพเดท WordPress ไม่ได้ จำกัดพวกหน่วยความจำในส่วนของ PHP
ทำให้เราบางครั้งลงเดโมของธีมใหญ่ๆ ไม่ได้ หรือลงบางปลั๊กอิน ไม่ได้ ต้องคอยติดต่อ support ของโฮสให้ช่วยแก้ไข ให้ช่วยปลดล็อคนี่นั้นนู้นตลอดเรื่องโฮสอาจจะอธิบายกันยาวสรุปสั้นๆ คือ โฮสที่ดีเขาจะมีแพคเกจแยกระหว่าง Hosting ทำเว็บทั่วไป กับ WordPress Hosting ให้เราเลือกใช้แพคเกจเพื่อ WordPress ไปเลยแต่แรกนั้นเอง ดูคำแนะนำเลือกโฮสที่ เลือกโฮสติ้งอย่างไรให้เหมาะกับ WordPress
3. ทำเว็บเสกลขนาดไหนเหมาะกับ Woocommerce มากที่สุด
หากเราแบ่งประเภทของเว็บร้านค้า อาจจำแนกได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ
1) เว็บร้านค้ารายเดียว ที่ขายสินค้าต่างๆ
2 ) เว็บร้านค้าที่เป็นตลาดกลาง (Market place) ที่เปิดให้ร้านค้าหลายราย มาวางขายสินค้า ตัวอย่างเช่น Lazada, Amazon Kaideeตามหลักการเราสามารถใช้ Woocommerce สร้างเว็บได้ทั้ง 2 แบบ แต่ในการใช้งานทำเว็บจริงๆ ตัว Woocommerce มีโครงสร้างที่เหมาะสำหรับการทำเว็บร้านค้าเดี่ยวๆ มากกว่า ครับ
เพราะเว็บที่เป็น Market place มีความซับซ้อนของระบบมากกว่าหลายเท่า เพราะผู้ขายต้องมีสิทธิเอาสินค้ามาวางขาย และแก้ไขรายละเอียดของตัวเอง เช็คยอดเงิน / การส่งของต่างๆ (ซึ่งต้องกำหนดอีกมากว่า ใครส่ง ด้วยเงื่อนไขไหน ใครรับประกัน)
และยังต้องคำนึงถึงปริมาณของผู้เข้าชมเว็บของเราอีกด้วย การทำเว็บแบบนี้ควรเขียนระบบขึ้นมาเองจะตอบโจทย์มากกว่า ดูกระทู้เพิ่มเติมเรื่องนี้ ได้ที่ สร้างเว็บอีคอมเมิร์ซทำด้วยอะไรดี?
การเลือกธีมให้เหมาะกับ Woocommerce
จากรูปภาพอธิบายได้ว่า WordPress คือ Platform หลัก แต่ฟังชั่นต่างๆ หรือการปรับหน้าตาเว็บเราจะปรับแต่งผ่านธีมและปลั๊กอิน
90 % ของเว็บ WordPress ที่ทำระบบตระกร้านสินค้าใช้ปลั๊กอิน Woocommerce ในการทำทั้งสิ้น นั้นหมายความว่า หากตัว Woocommerce ออกเวอร์ชั่นใหม่ ระบบต่างอาจมีเปลี่ยนแปลงมากบ้างน้อยมาก ธีมที่ดีต้องมีการอัพเดทให้ใช้งานร่วมกับ Woocommerce ด้วย
- ควรใช้พรีเมี่ยมธีม (ธีมตัวเสียเงิน) ธีมฟรีจะมีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ และไม่มีความยืดหยุ่น จะออกแนวเว็บสำเร็จรูป เราไม่สามารถปรับแต่งตามใจ หรือตามไอเดียที่เรามีได้แต่หากเราเลือกใช้ธีมตัวเสียเงิน อารมณ์การใช้งาน จะเปรียบเหมือนเราซื้อตัวต่อเลโก้ เราซื้อ 1 ธีม เราก็จะได้ชิ้นส่วนมา 1 ถุง หน้าที่ของเราคือเอาชิ้นส่วนเหล่านั้นมาประกอบเป็นเว็บให้มีหน้าตาแบบใดก็ได้ ตามไอเดียของเราได้หมด เหมือนกับเราต่อตัวต่อเลโก้ให้มีรูปร่างอะไรก็ได้นั้นเอง
- มีการอัพเดทอยู่เสมอ ธีมที่ดีควรมีการอัพเดทล่าสุดให้สามารถใช้งานบน WordPress เวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ
- อัพเดทตาม Woo เวอร์ชั่นล่าสุด (ver.3+)
- มียอดขายพอสมควร ทุกคนสามารถทำธีมแล้วเอาไปลงขายที่ ThemeForest ได้หมด แต่ไม่ใช่ทุกธีมที่วางขายบน ThemeForest แล้วจะขายดี ในหลายๆ ธีมหากไม่ค่อยมียอดขาย ผู้สร้างธีมมักหยุดพัฒนาธีม หรืออัพเดทธีมในรองรับ WordPress และ Woocommerce เวอร์ชั่นใหม่ๆ หากเราใช้ธีมนั้นๆ ต่อไป ก็มีความเสี่ยงสูงว่าเว็บเราจะใช้งานไม่ได้เมื่อมีการอัพเดทนั้นเอง
- มีคลิปสอนการ setup ธีม บน YouTube การทำเว็บ WordPress นั้นไม่ยาก เราไม่ต้องเขียนโค้ด แต่มันก็ไม่ง่าย เพราะมันมีรายละเอียดที่เยอะมาก และแต่ละธีมมีการ Setup ที่ไม่เหมือนกันเลย หากเราจะซื้อธีมไหน ลองเอาชื่อธีมนั้นไปเสริจหาบน Youtube ดู ถ้าธีมนั้นมีคลิปสอน ก็จะช่วยให้เราเรียนรู้การทำเว็บได้เร็วขึ้นนั้นเอง
- มี Facebook Group ช่วย ถาม-ตอบ ในบางธีม เขาจะสร้าง Facebook Group เพื่อคอย Support คนที่ใช้ธีมเดียวกัน ติดขัดตรงไหนเราก็สามารถไปตั้งกระทู้ถามได้เลย แต่มีแค่บางธีมนะที่มี
- แหล่งซื้อธีมคุณภาพ themeforest.net
บทสรุป สอน Woocommerce
Woocommerce คือปลั๊กอินสร้างระบบร้านค้าออนไลน์ ที่ช่วยให้คนธรรมดา เริ่มต้นสร้างเว็บขายของด้วยตนเองได้ และเป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก ถึงแม้ว่าเขาจะใช้งานง่าย แต่ในความง่ายก็ยังมีรายละเอียดอีกพอสมควร หากเราพื้นฐานไม่ดี จากเรื่องง่ายๆ อาจกลายเป็นเรื่องยากได้นั้นเอง
ประชาสัมพันธ์
สำหรับท่านใดที่อ่านบทความนี้แล้ว สนใจการสร้างเว็บร้านค้าออนไลน์ด้วย WordPress + Woocommerce แบบมืออาชีพ ในวันที่ 21 - 22 สิงหาคม 2564 นี้ ผมได้เปิดคอร์สสอน Woocommerce Expert แบบกลุ่มเล็กๆ 1 รอบ สอนสดรอบละ 6 คน เพื่อให้ผู้เรียนได้ประโยชน์สูงสุด เรียนรู้และทำตามไปพร้อมๆ กันได้
รายละเอียดคอร์สเรียน
สร้างเว็บร้านค้าออนไลน์ Woocommerce expert
- ค่าเรียน 9,500 บาท 21 - 22 สิงหาคม 2564
- เวลาเรียน 10.00- 16.00 น.
- เรียนกลุ่มเล็กรอบละ 6 คนเท่านั้น (ว่าง)
- เราสอนด้วยธีม Flatsome Theme
(No.1 Best selling Woocommerce Theme 2020) - สถานที่เรียน Seatz Station
- ปากซอยงามวงศ์วาน 44 ก่อนถึง รพ.วิภาวดี ฝั่งตรงข้าม ม.เกษตรประตูงามวงศ์วาน 3
- จองที่นั่งเรียนผ่าน Lind ID : padveewebschool ได้เลยครับ
ทุกคอร์สเรียนรอบสอนสด
ได้คอร์สเรียนออนไลน์แถมฟรีครับ
คอร์สเรียนนี้เหมาะกับใคร ?
- เนื่องจากคอร์สเรียนนี้เราสอนเป็นกลุ่ม จึงไม่เหมาะกับทุกคน
- คอร์สนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เคยใช้งาน WordPress มาบ้าง รู้พื้นฐานแบบงูๆปลาๆ หากคุณเคยลง WordPress เอง ลงปลั๊กอินได้ เคยสร้าง page หรือ post แบบนี้เรียนได้
- หรือหากคุณไม่เคยใช้งาน WordPress มาก่อนเลย แต่คุณมีทักษะไอที เช่น เคยใช้พวกโปรแกรมกราฟฟิค Photoshop, illustrator เคยใช้พวกโปรแกรมตัดต่อวีดีโอ อะไรก็ได้มาบ้าง
- ถ้าคุณเคยใช้โปรแกรมดังกล่าวข้างต้น แสดงว่าคุณมีทักษะไอที สามารถลงเรียนคอร์สนี้ได้
- เนื่องจากเราเรียนกันหลายคน หากผู้เรียนไม่มีทักษะไอทีเลยจะทำให้เรียนรู้ตามเพื่อนไม่ทันนั้นเอง
คอร์สเรียนนี้ไม่เหมาะกับใครบ้าง ?
- ผู้ที่ไม่มีทักษะด้านไอทีต่างๆ
- ผู้สูงวัยที่ใช้คอมพิวเตอร์ยังไม่คล่อง หรือหากรู้สึกว่าตัวเองเรียนรู้ได้ช้า คุณไม่เหมาะกับคอร์สเรียนนี้
- สำหรับคนที่ไม่มีทักษะด้านไอที หรือคิดว่าตนเองเรียนรู้ได้ช้า และชอบความเป็นส่วนตัว แต่ต้องการที่จะสร้างเว็บด้วยตนเอง
- ผมแนะนำให้ลงเรียนรอบสอนแบบตัวต่อตัวจะดีที่สุดครับ
แผนที่สถานที่เรียน (รอบสอนกลุ่ม)
สถานที่เรียน Seatz Station
ปากซอยงามวงศ์วาน 44 ก่อนถึง รพ.วิภาวดี
ฝั่งตรงข้าม ม.เกษตรประตูงามวงศ์วาน 3
บรรยากาศคลาสเรียน
Woocommerce คือ ปลั๊กอินที่ช่วยแปลงร่างเว็บ WordPress ธรรมดาๆ ของคุณให้กลายเป็นเว็บบร้านค้าออนไลน์เต็มรูปแบบ
1) เราสามารถโหลดและติดตั้ง Woocommerce ได้ฟรีๆ 2) อนาคตสดใส เพราะมีคนใช้งาน Woocommerce จำนวนมากกว่า 1 ล้านเว็บไซต์ 3) มันใช้งานง่าย ไม่ต้องโค้ด ไม่ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ เป็นแค่คนธรรมาดาๆ พ่อค้า แม่ค้าทั่วไปก็สามารถใช้งานได้หมด
เหมาะสำหรับทำเว็บร้านค้าขนาดเล็ก-กลาง ที่เป็นร้านค้ารายเดียว ที่ขายสินค้าต่างๆ ด้วยสินค้าของตัวเอง
ต้องใช้งานร่วมกับ WordPress และคนใช้งาน Woocommerce ต้องรู้หลักการเลือกเลือกโฮส เลือกธีม และเลือกปลั๊กอินที่เหมาะกับ Woocommerce ด้วย
บทความมีประโยชน์มากๆ ขอบคุณครับ
ผมรออ่าน ตอนที่ 7-8 อยู่นะครับ แอดมิน
ขอบคุณมากๆ สำหรับข้อมูลดีดีครับ
ป.ล. WooCommerce น่าจะเขียนด้วย C ตัวใหญ่แบบนี้หรือเปล่าครับ แบบเดียวกับ WordPress