ใน woocommerce เราสามารถลงสินค้าได้หลายประเภท เพื่อให้ตอบโจทย์กับธุรกิจของเรา บทความ สอน woocommerce ชุดนี้ผมจะแนะนำการลงสินค้า และอธิบายหลักการประยุกต์ใช้งานอย่างละเอียดครับ
ก่อนจะลงสินค้ากันเราต้องไปตั้งค่าพื้นฐาน woocommerce ให้เรียบร้อยก่อนนะครับ ดูวิธีการที่บทความก่อนหน้านี้ได้เลย ตั้งค่าพื้นฐาน woocommerce
สินค้าประเภทต่างๆ บน Woocommerce มีอะไรบ้าง?
นอกจากจะลงสินค้า แบบ Simple product ที่เราใช้กันอยู่ประจำ เรายังจะสามารถลงสินค้าได้อีก 4 แบบด้วยกันเพื่อให้เหมาะสมกับ Product และประเภทธุรกิจของเราครับ ลองสัเกตตรง product data ดูครับ
1. Simple Product คือ การลงสินค้าแบบทั่วๆ ไป คือ สินค้าแต่ละชิ้นมีราคาเดียว ไม่ซับซ้อน
2. Grouped product คือ การลงสินค้าแบบเป็นกลุ่ม เราสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายกรณี เช่น
- รวมกลุ่มเครื่องแต่งตัว เสื้อ กางเกง หมวก รองเท้า ไว้ใน group เดียวกัน
- สินค้าที่มีการตั้งราคาขายแบบ ขายปลีก กับ ขายส่ง เป็น choice ให้ลูกค้าได้เลือกไปเลย
- อาจจะประยุกใช้กับสินค้าชนิดเดียวกัน แต่ราคาแตกต่างกันตามรุ่น รุ่นใหม่ราคานึง รุ่นเก่าอีกราคา เป็นต้น
- หรืออีก 1 ตัวอย่างเช่น เราขายหนังสือ ก็จะแบบเป็น E-book ราคานึง แบบปกแข็ง อีกราคานึง แต่ให้แสดงเป็น group บนตัวสินค้าเดียวไปเลย
3. External/Affiliate product คือ การลงสินค้าเพื่อการเป็น ตัวแทนจำหน่าย หรือการได้รับค่าแนะนำเป็นการตอบแทน ตัวอย่างการใช้งาน
- ไว้ใช้ทำ Affiliate product เป็นตัวแทนจำหน่าย ได้ค่าแนะนำ
- ทำเว็บเป็นคอนเทนต์ แล้วใช้ระบบตระกร้าของเว็บอื่น เช่น ใช้ WordPress ทำคอนเทนต์ และใช้ lnwshop.com เป็นตัวตระกร้าสินค้า
- ทำเป็น External product แล้วให้ยิงไปที่ inbox ของสินค้าที่เราลงไปบน Facebook ก็ได้ เพื่อให้แชทคุยกันก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งเหมาะกับนิสัยคนไทยมาก
4. Variable product คือ การลงสินค้าที่ราคาแตกต่างกันตามคุณสมบัติ เช่น สีของเสื้อ, ไซต์ของเสื้อ เป็นต้น
5. Digital product คือสินค้าที่เราไม่ต้องจัดส่ง แต่สามารถให้โหลดใช้งานหลังจากสั่งซื้อได้เลย เช่นพวก E-book เป็นต้น
มีแค่เว็บที่มีคุณภาพดีเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสติดหน้าแรก Google ได้ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้เอง ผมขอแนะนำให้มาเรียนครับ ดูรายละเอียด และค่าเรียนได้ที่นี่
สอน woocommerce : ขั้นตอนลงสินค้าประเภทต่างๆ
1. การลงสินค้าแบบ Simple Product
หัวข้อนี้ถือเป็นการปูพื้นการลงสินค้าอย่างถูกต้อง หลักการเพิ่มข้อมูลสินค้า ทุกๆ Product ต้องมี 6 สิ่งต่อไปนี้
- ชื่อสินค้า
- ติ๊ก Categories (หมวดหมู่สินค้า)
- เนื้อหา (ช่อง text editor)
– ช่องด้านบน >> แสดงข้อมูลขนาดยาวด้านล่างของรูปภาพสินค้า
– ช่องด้านล่าง >> แสดงด้านข้อมูลแบบย่อๆ ข้างรูปภาพสินค้า - ราคาสินค้า
- Product image (รูปภาพหน้าปกสินค้า) ควรเป็นไซต์ขนาดสีเหลี่ยมจตุรัสหรือสีเหลี่ยมพื้นผ้าเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ขนาดไฟล์รูปอย่าให้เกิน 100 kb
- Product Gallery (รูปภาพประกอบสินค้า) รูปไซต์ไหนก็ได้ แต่ขนาดไฟล์รูปอย่าให้เกิน 100 kb เช่นเดียวกัน
เราต้องใส่ให้ครบตามนี้ ดูรูปภาพประกอบนะครับ
สินค้าแบบ Simple Product ข้อมูลส่วนหลังบ้าน
ตัวอย่างสินค้าแบบ Simple product
2. การลงสินค้าแบบ Grouped product
- ให้ดูว่า Grouped Product ของเราจะมีสินค้าอะไรบ้าง เช่น Grouped Product ตัวอย่างของผมคือ Cupcake Cookbook ซึ่งจะมีสินค้าอยู่ 2 ชนิดคือ ตัว Cookbook ที่เป็น E-book กับตัวที่เป็น หนังสือปกแข็ง ให้เราลงสินค้าทั้งสองตัวให้เรียบร้อย แบบ Simple product
- ให้ add product เพิ่ม ตั้งชื้อสินค้าและใส่เนื้อหาสินค้าให้เรียบร้อย
- ในส่วนของ product data ให้เราเลือกประเภทเป็น Grouped product
- คลิกไปที่ Liked Products ตรง Grouped products ให้เราพิมพ์ชื่อสินค้าที่เราต้องการมาจัดกลุ่มลงไป
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย การแสดงผลหน้าสินค้าแบบ Grouped product ของเราจะเป็นแบบนี้ครับ
การประยุกต์ใช้เพิ่มเติม
- จัดเป็นกลุ่มชุดเครื่องแต่งกาย
- จัดเป็นชุดเซ็ตขายเฟอร์นิเจอร์
- จัดเป็นให้เลือกซื้อสินค้าตามรุ่นก็ได้ เพราะตัวเดียวกัน แต่เวอร์ชั่นเก่า อาจจะราคาถูกกว่าตัวเวอร์ชั่นใหม่
- จัดเป็นกลุ่มราคาขายปลีก-ส่ง โดยสินค้าชิ้นที่ 1 ตั้งเป็นราคาต่อชิ้น ส่วนสินค้าอีกชิ้น เราก็ตั้งราคาเป็นต่อแพ็ค เป็นต้น
3. การลงสินค้าแบบ External/Affiliate product
- ลงรายละเอียดสินค้าพื้นฐานให้เรียบร้อย
- ในส่วนของ product data ให้เราเลือกประเภทเป็น External/Affiliate product
- ใส่ข้อมูล Affiliate product ให้เรียบร้อย
– Product URL : เราจะใส่ url หรือ code ที่เป็น Affiliate ของสินค้าที่เราเป็นตัวแทนจำหน่ายจากเว็บแม่ของสินค้าตัวนั้น เช่น ผมต้องการทำ Affiliate กับ Lazada ผมก็ต้องไปสมัคร Afliate Program ให้เรียบร้อย และในสินค้าของ Lazada ทุกตัวเขาจะมี url Affiliate เตรียมไว้ให้เรา เราก็เอา url นั้นมาใส่ในช่อง Product ได้เลย** หากเราไม่ต้องการทำ Affiliate เราก็สามารถสามารถ เอา url สินค้าบน Facebook มาวางแทนก็ได้ครับ เพื่อให้ลูกค้าสามารถ inbox มาคุยกับแม่ค้าได้ทันที- Button text : คือคำที่เราต้องการให้แสดงแทนปุ่ม add to cart เราจะเขียนว่าอะไรก็ได้ครับ
– อย่าลืมใส่ราคาให้เรียบร้อยด้วยนะครับ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย การแสดงผลหน้าสินค้าแบบ External/Affiliate product ของเราจะเป็นแบบนี้ครับ
จากรูปภาพตัวอย่าง เมื่อกดปุ่มสั่งซื้อที่เขียนว่า Buy at Lazada หน้าเพจสินค้าก็จะ redirect ไปหาสินค้าตัวนี้ที่อยู่บน Lazadaนั้นเอง ตามรูปประกอบด้านล่างเลยครับ
มีแค่เว็บที่มีคุณภาพดีเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสติดหน้าแรก Google ได้ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้เอง ผมขอแนะนำให้มาเรียนครับ ดูรายละเอียด และค่าเรียนได้ที่นี่
4. การลงสินค้าแบบ Variable product
- ลงรายละเอียดสินค้าพื้นฐานให้เรียบร้อย
- ในส่วนของ product data ให้เราเลือกประเภทเป็น Variable product
- สร้าง attribute (คุณลักษณะ) ของสินค้า มีวิธีการทำดังนี้
– คลิกตรง attribute >> คลิก add >> ตั้งชื่อ attribute เช่น color >> ตั้งค่า attribute ที่เรามีเช่น สีดำ สีเขียว โดยเราจะใช้ภาษาใดในการเขียนก็ได้ แต่ให้ใช้สัญลักษณ์ | ในการเพิ่มค่าอื่นๆ เช่น Black | Green
**อย่าลืมติ๊กถูกที่ Visible on the product page และติ๊กที่ Used for variations
** หากต้องการเพิ่ม attribute ก็คลิก add เพิ่มได้เลยเช่น ขนาดของเสื้อ S | M | L
4. ให้ไปที่ Variations เลือก Create variations from all attributes คลิก Go ได้เลย
5. กำหนดขอมูลสินค้าของแต่ละ Variations ได้เลยครับ เราสามารถตั้งราคา รูปภาพ และข้อมูลสินค้าของแต่ละตัวให้แตกต่างกันได้
**ตั้งค่า Variations ให้ครบทุกตัวนะครับ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย การแสดงผลหน้าสินค้า Variable product ของเราจะเป็นแบบนี้ครับ
5. Digital product
คือ สินค้าที่เราไม่ต้องจัดส่ง แต่สามารถให้โหลดใช้งานหลังจากสั่งซื้อได้เลย เช่นพวก E-book เป็นต้น
สรุป สอน woocommerce : การลงสินค้าประเภทต่างๆ
เราสามารถลงสินค้าหลักๆ ได้ 5 ประเภทนั้นเอง เราควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสินค้าของเรา และหลายๆ ครั้งเราต้องประยุกต์ใช้จากหลังการเหล่านี้ เช่น ทำราคาแบบขายส่ง-ขายปลีก เราก็สามารถเลือกลงสินค้าในประเภท group product ได้ แต่ที่ผมแนะนำไปนั้นเองเพียงฟังชั่นพื้นฐานของ Woocommerce ตัวฟรี ในอนาคตหากเราต้องการแสดงสินค้า ที่มีระบบซับซ้อนกว่านี้ก็ทำได้ แต่เราอาจต้องซื้อปลั๊กอินเพิ่มเติมต่อไป
ตั้งค่าจัดส่ง Woocommerceประชาสัมพันธ์
สำหรับท่านใดที่อ่านบทความนี้แล้ว สนใจการสร้างเว็บร้านค้าออนไลน์ด้วย WordPress + Woocommerce แบบมืออาชีพ ในวันที่ 21 - 22 สิงหาคม 2564 นี้ ผมได้เปิดคอร์สสอน Woocommerce Expert แบบกลุ่มเล็กๆ 1 รอบ สอนสดรอบละ 6 คน เพื่อให้ผู้เรียนได้ประโยชน์สูงสุด เรียนรู้และทำตามไปพร้อมๆ กันได้
รายละเอียดคอร์สเรียน
สร้างเว็บร้านค้าออนไลน์ Woocommerce expert
- ค่าเรียน 9,500 บาท 21 - 22 สิงหาคม 2564
- เวลาเรียน 10.00- 16.00 น.
- เรียนกลุ่มเล็กรอบละ 6 คนเท่านั้น (ว่าง)
- เราสอนด้วยธีม Flatsome Theme
(No.1 Best selling Woocommerce Theme 2020) - สถานที่เรียน Seatz Station
- ปากซอยงามวงศ์วาน 44 ก่อนถึง รพ.วิภาวดี ฝั่งตรงข้าม ม.เกษตรประตูงามวงศ์วาน 3
- จองที่นั่งเรียนผ่าน Lind ID : padveewebschool ได้เลยครับ
ทุกคอร์สเรียนรอบสอนสด
ได้คอร์สเรียนออนไลน์แถมฟรีครับ
คอร์สเรียนนี้เหมาะกับใคร ?
- เนื่องจากคอร์สเรียนนี้เราสอนเป็นกลุ่ม จึงไม่เหมาะกับทุกคน
- คอร์สนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เคยใช้งาน WordPress มาบ้าง รู้พื้นฐานแบบงูๆปลาๆ หากคุณเคยลง WordPress เอง ลงปลั๊กอินได้ เคยสร้าง page หรือ post แบบนี้เรียนได้
- หรือหากคุณไม่เคยใช้งาน WordPress มาก่อนเลย แต่คุณมีทักษะไอที เช่น เคยใช้พวกโปรแกรมกราฟฟิค Photoshop, illustrator เคยใช้พวกโปรแกรมตัดต่อวีดีโอ อะไรก็ได้มาบ้าง
- ถ้าคุณเคยใช้โปรแกรมดังกล่าวข้างต้น แสดงว่าคุณมีทักษะไอที สามารถลงเรียนคอร์สนี้ได้
- เนื่องจากเราเรียนกันหลายคน หากผู้เรียนไม่มีทักษะไอทีเลยจะทำให้เรียนรู้ตามเพื่อนไม่ทันนั้นเอง
คอร์สเรียนนี้ไม่เหมาะกับใครบ้าง ?
- ผู้ที่ไม่มีทักษะด้านไอทีต่างๆ
- ผู้สูงวัยที่ใช้คอมพิวเตอร์ยังไม่คล่อง หรือหากรู้สึกว่าตัวเองเรียนรู้ได้ช้า คุณไม่เหมาะกับคอร์สเรียนนี้
- สำหรับคนที่ไม่มีทักษะด้านไอที หรือคิดว่าตนเองเรียนรู้ได้ช้า และชอบความเป็นส่วนตัว แต่ต้องการที่จะสร้างเว็บด้วยตนเอง
- ผมแนะนำให้ลงเรียนรอบสอนแบบตัวต่อตัวจะดีที่สุดครับ
แผนที่สถานที่เรียน (รอบสอนกลุ่ม)
สถานที่เรียน Seatz Station
ปากซอยงามวงศ์วาน 44 ก่อนถึง รพ.วิภาวดี
ฝั่งตรงข้าม ม.เกษตรประตูงามวงศ์วาน 3